รถยนต์ถือเป็นยานพาหนะละเอียดอ่อน ที่เราต้องหมั่นตรวจเช็กและคอยดูแลรถอย่างสม่ำเสมอ หากคุณเป็นคนรักรถมาก คุณก็ควรปกป้องรถด้วยวิธีการต่าง ๆ อย่างถูกต้อง เพื่อให้ตัวรถมีสภาพที่ดีพร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลา ซึ่งการเคลือบสีรถ ก็ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยปกป้องรถของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีประโยชน์มากกว่าที่คุณคิด โดยการเคลือบสีรถคืออะไร มีกี่แบบ มีข้อดีข้อเสียอย่างไร บทความนี้มีคำตอบครับ 

การเคลือบสีรถ คืออะไร?

การเคลือบสีรถ คือการใช้สารเคมีชนิดพิเศษเคลือบลงบนผิวรถเพื่อเพิ่มความเงางามและปกป้องสีรถจากรอยขีดข่วน คราบสกปรก และแสงแดด ช่วยให้สีรถมีความเงางามเหมือนใหม่อยู่เสมอ เปรียบเสมือนการเพิ่มเกราะป้องกันภายนอกให้กับรถยนต์

การเคลือบสีรถ มีกี่แบบ อะไรบ้าง?

ในปัจจุบันการเคลือบสีรถนั้นมีอยู่ด้วยกันหลายแบบ โดยแต่ละแบบต่างก็มีข้อดี ข้อเสีย และราคาที่แตกต่างกัน ดังนี้

1. การเคลือบสีรถ หรือ การเคลือบเงารถ ประเภทแว็กซ์

การเคลือบสีรถด้วยแว็กซ์ หรือที่เรียกกันว่า “การแว็กซ์รถ” คือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมหลักเป็นแว็กซ์ ทาลงบนพื้นผิวของรถยนต์เพื่อเพิ่มความเงางามและปกป้องสีรถจากรอยขีดข่วน คราบสกปรก และมลภาวะต่าง ๆ การเคลือบสีรถด้วยแว็กซ์ เหมาะสำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัด ต้องการความสะดวกรวดเร็ว และมีเวลาดูแลรักษารถยนต์เป็นประจำ 

ข้อดี

  • ราคาไม่แพง การแว็กซ์รถเป็นวิธีการเคลือบสีรถที่มีราคาประหยัดที่สุดเมื่อเทียบกับวิธีอื่น
  • ทำได้ง่ายไม่ยุ่งยาก สามารถทำได้เองที่บ้าน ไม่ต้องใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์พิเศษ
  • ใช้เวลาไม่นาน ขั้นตอนการแว็กซ์รถค่อนข้างรวดเร็ว ใช้เวลาไม่นานก็เสร็จ

ข้อเสีย

  • ไม่ทนทาน โดยทั่วไปแล้วการแว็กซ์รถจะมีอายุอยู่ที่ 1-2 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและการใช้งาน
  • ต้องทำเป็นประจำ ต้องแว็กซ์รถใหม่เป็นประจำทุก 1-2 สัปดาห์

2. การเคลือบแก้วรถยนต์

การเคลือบแก้วรถยนต์ คือการใช้สารเคมีชนิดพิเศษที่มีส่วนผสมของ ซิลิกา (Silica) ซึ่งเป็นสารตัวเดียวกับที่ใช้ผลิตแก้วน้ำ นำมาเคลือบบนผิวตัวถังรถยนต์ให้มีความหนามากขึ้น โดยมีระดับความแข็งของชั้นเคลือบตั้งแต่ 1H ไปจนถึง 9H เปรียบเสมือนเกราะป้องกันชั้นนอกเพิ่มเติมจากชั้นแล็คเกอร์และสีรถ 

ข้อดี

  • ทนทานมากที่สุด การเคลือบแก้ว 1 ครั้ง อยู่ได้นาน 2-3 ปี
  • ป้องกันสีรถได้ดีที่สุด การเคลือบแก้วรถยนต์จะช่วยให้สีรถมีความเงางามเหมือนรถใหม่อยู่เสมอ ถือเป็นการเคลือบสีรถที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด
  • ทำความสะอาดง่าย แค่ฉีดน้ำก็ล้างสิ่งสกปรกได้หมด เหมาะกับคนไม่มีเวลาล้างรถ

ข้อเสีย

  • ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับการเคลือบสีรถประเภทอื่น
  • ใช้เวลาในการเคลือบค่อนข้างนาน
  • อาจเกิดคราบน้ำในกรณีที่ใช้น้ำยาเคลือบแก้วบางประเภท และไม่ทนทานต่อสารเคมีรุนแรงในน้ำยาล้างรถบางชนิด

3. การเคลือบสีรถ ประเภทน้ำ

การเคลือบสีรถประเภทน้ำหรือที่เรียกกันว่า โพลิเมอร์ซีลแลนท์ (Polymer Sealant) เป็นการเคลือบสีรถแบบหนึ่งที่ใช้สารเคมีประเภทโพลิเมอร์ มาเคลือบบนบริเวณผิวรถเพื่อปกป้องสีรถจากสภาพแวดล้อมต่าง ๆ เปรียบเสมือนการสร้างชั้นฟิล์มบาง ๆ เป็นเกาะป้องกันภายนอกให้กับตัวรถ

ข้อดี

  • ราคาไม่แพง เมื่อเทียบกับการเคลือบสีรถประเภทอื่น
  • ทำได้เองที่บ้าน
  • ทนอุณหภูมิได้สูงและอยู่ได้นานกว่าการแว็กซ์รถ

ข้อเสีย

  • ความเงางามจะน้อยกว่าการเคลือบสีด้วยวิธีอื่น 
  • ไม่ค่อยทนทาน อายุการใช้งานสั้น อยู่ได้ประมาณ 1-2 เดือน
  • ไม่ทนทานต่อรอยขีดข่วนมากนัก

4. การเคลือบสีรถ ประเภทซิลิโคน

การเคลือบสีรถด้วยซิลิโคน เป็นการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีซิลิโคนเป็นส่วนประกอบหลัก เคลือบลงบนพื้นผิวรถเพื่อสร้างชั้นฟิล์มใส ๆ ที่จะปกป้องสีรถจากฝุ่น น้ำ รังสี UV และรอยขีดข่วนเล็ก ๆ 

ข้อดี

  • ทนทาน อยู่ได้นานถึง 1 ปี แต่ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานและการดูแลรักษา
  • รถจะมีความเงางามและมันวาวเหมือนการแว็กซ์รถ
  • ป้องกันฝุ่น คราบสกปรก คราบน้ำ และรังสี UV ได้ดี 
  • สามารถป้องกันรอยขีดข่วนเล็ก ๆ ได้ จากการใช้งานทั่วไป

ข้อเสีย

  • ราคาค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับการเคลือบสีรถประเภทอื่น
  • ไม่ทนทานต่อรอยขีดข่วนลึก เนื่องจากชั้นฟิล์มซิลิโคนไม่สามารถป้องกันรอยขีดข่วนลึก ๆ ได้
เคลือบสีรถยนต์

การเคลือบสีรถ ต่างจาก การเคลือบแก้ว อย่างไร?

การเคลือบแก้วรถยนต์เป็นวิธีการดูแลรักษาสีรถที่ดีที่สุดในปัจจุบัน เนื่องจากช่วยป้องกันคราบสกปรกต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นคราบน้ำ คราบฝุ่น คราบโคลน หรือคราบยางมะตอย อีกทั้งยังช่วยป้องกันรอยขีดข่วนและปัญหาสีรถซีดจากแสงแดด ทำให้รถดูเงางามเหมือนใหม่ตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม ราคาเคลือบแก้วมีราคาสูงที่สุดในบรรดาวิธีการเคลือบสีทั้งหมด จึงได้รับความนิยมเฉพาะกลุ่มรถหรูราคาแพงเท่านั้น

ข้อดีของการเคลือบสีรถ

ป้องกันคราบสกปรกต่าง ๆ จากการใช้งาน

ทุกครั้งที่เราใช้งานรถหรือจอดทิ้งไว้เฉย ๆ ย่อมต้องเกิดคราบสกปรกจากปัจจัยต่าง ๆ ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ การเคลือบสีรถจะช่วยป้องกันคราบสกปรกที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หลังเคลือบสีรถจะช่วยให้เราดูแลรักษารถง่ายขึ้น

คราบสกปรกต่าง ๆ จะเกาะบนชั้นเคลือบแทนที่จะเกาะบนสีรถ ทำให้เราล้างรถง่ายขึ้น ไม่ทิ้งคราบหลงเหลือ

ช่วยทำให้รถยนต์ดูเหมือนใหม่

การเคลือบสีรถจะทำให้รถดูแวววาว เงางาม มีลักษณะเหมือนรถใหม่ตลอดเวลา

ช่วยยืดอายุของสีรถยนต์ได้

การเคลือบสีรถถือเป็นการปกป้องสีรถยนต์โดยตรง ช่วยยืดอายุสีรถยนต์ให้ยาวนานและทนทานมากขึ้น

ช่วยป้องกันการเกิดรอยคราบน้ำฝน

การเคลือบสีรถบางประเภทมีคุณสมบัติกันน้ำ ทำให้หยดน้ำกลิ้งเป็นเม็ด ไม่เกาะติดบนพื้นผิวรถ ช่วยป้องกันการเกิดรอยคราบน้ำฝนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เคลือบสีรถควรทำเมื่อใด?

โดยทั่วไปแล้วเราควรทำการเคลือบสีรถทุก 1-3 เดือน เพื่อป้องกันการเกิดคราบสกปรกฝั่งแน่น แต่หากรถของคุณมีแนวโน้มที่ต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงมากกว่าปกติ เช่น ต้องจอดรถไว้กลางแจ้ง ต้องขับไปในที่ที่ฝุ่นละอองเยอะ หรือใช้งานรถบ่อย ก็ควรทำการเคลือบสีรถให้บ่อยขึ้น การเคลือบสีรถถือเป็นการถนอมสภาพภายนอกของรถให้ดูเงางามและเหมือนใหม่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นรถเก่าหรือรถใหม่ก็สามารถทำได้ครับ

วิธีดูแลหลังเคลือบสีรถ ควรทำยังไงบ้าง?

การล้างรถ

  • ล้างรถบ่อย ๆ ควรล้างรถอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง หรือบ่อยกว่านั้นหากจอดรถกลางแจ้งหรือโดนฝุ่นละอองเยอะ
  • ใช้น้ำเปล่า เริ่มต้นด้วยการใช้น้ำเปล่าฉีดล้างรถเพื่อล้างฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกออกให้หมด
  • ใช้น้ำยาล้างรถที่ออกแบบมาเพื่อรถที่เคลือบสีโดยเฉพาะ 
  • ล้างรถด้วยมือ แนะนำให้ล้างรถด้วยมือแทนการใช้เครื่องล้างแรงดันสูง เพราะแรงดันน้ำที่สูงอาจส่งผลต่อชั้นเคลือบสีได้
  • ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ เช็ดรถด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์เนื้อนุ่มและสะอาด ผ้าไมโครไฟเบอร์จะช่วยดูดซับน้ำและสิ่งสกปรกโดยไม่ทำรอยขีดข่วนบนชั้นเคลือบสี
  • เช็ดให้แห้งสนิท เช็ดรถให้แห้งสนิทด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์หลังล้างเสร็จ เพื่อป้องกันคราบน้ำ

การจอดรถ

  • จอดรถในร่ม พยายามเลือกจอดรถในที่ร่ม เพื่อป้องกันแสงแดด ฝน หรือปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้น
  • ใช้ผ้าคลุมรถ หากไม่มีที่จอดรถในร่ม ควรใช้ผ้าคลุมรถที่ออกแบบมาสำหรับรถเคลือบสีโดยเฉพาะ
  • หลีกเลี่ยงการจอดรถใต้ต้นไม้ที่มียางไม้ เพราะยางไม้สามารถทำลายชั้นเคลือบสีได้

การดูแลรักษา

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารเคมี เช่น น้ำมัน น้ำยาล้างห้องน้ำ ครีมกันแดด ฯลฯ
  • หากมีคราบสกปรกบนชั้นเคลือบสี ควรทำความสะอาดทันที อย่าปล่อยทิ้งไว้นาน
  • หลีกเลี่ยงการขัดถูหรือขัดสีรถ เพราะอาจทำให้ชั้นเคลือบสีเสียหายได้
  • นำรถไปตรวจเช็กสภาพเป็นประจำ

นอกจากการดูแลโดยการเคลือบสีรถแล้ว ถ้าหากพบว่ารถยนต์มีอาการผิดปกติจนไม่สามารถใช้งานได้เหมือนเคย ควรนำรถเข้าตรวจเช็กสภาพที่อู่หรือศูนย์บริการ เพื่อตรวจสอบอาการสึกหรอของชิ้นส่วนภายในที่อาจเกิดขึ้น หากรถมีปัญหาจะได้รีบแก้ไขและซ่อมแซมได้อย่างทันท่วงที หมดกังวลเรื่องรถเสียกลางทาง

สำหรับเจ้าของรถ Nissan ท่านสามารถนำรถเข้ามาเช็กอาการผิดปกติได้ที่ศูนย์นิสสัน SMT Thailand ทุกสาขา เรามีช่างผู้ชำนาญพร้อมให้บริการและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับรถยนต์ เพื่อให้คุณขับขี่ได้อย่างปลอดภัยในทุกเส้นทาง

ขอบคุณข้อมูลจาก: carsome