สำหรับเด็กๆ การได้ออกไปท่องเที่ยว เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ เป็นเรื่องน่าสนุก ตื่นเต้น แต่สำหรับคนเป็นพ่อแม่ก็คงรู้สึกกังวลไม่น้อยเวลา พาลูกเดินทางไกล กว่าจะออกเดินทางได้แต่ละทีต้องคิดแล้วคิดอีก กลัวว่าจะลืมหยิบอะไรไปหรือเปล่า หรือจะเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ที่ไม่คาดคิด และไม่ได้เตรียมรับมือไว้ และถ้าหากลูกน้อยนั่งรถไปประมาณ 5-6 ชั่วโมงแล้วร้องไห้งอแงหรือเมารถขึ้นมา นอกจากจะทำให้หมดสนุกแล้ว ยังอาจทำให้คนขับเสียสมาธิอีกด้วย วันนี้พี่เห็ด มัชรูมทราเวล จึงรวบรวม ทริคการเตรียมตัวสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ต้อง พาลูกนั่งรถยนต์ ไม่ว่าจะไปท่องเที่ยวหรือทำธุระ เพื่อให้การเดินทางราบรื่น แฮปปี้ทั้งครอบครัว จะเป็นอย่างไร ไปดูกัน !

1. เตรียมคาร์ซีทสำหรับลูกน้อย

เด็กชายนั่งบน Car Seat สำหรับเด็ก

อุบัติเหตุอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ แม้จะเป็นการเบรกแรงๆ ก็อาจทำให้ตัวเด็กกระเด็นจากเบาะและเป็นอันตรายได้ เพราะฉะนั้นทางที่ดีเวลา พาลูกนั่งรถยนต์ ควรให้เด็กนั่งในคาร์ซีทตลอดการเดินทาง โดยเตรียมคาร์ซีทตามจำนวนเด็ก และเลือกคาร์ซีทให้เหมาะสมกับอายุ เพื่อให้เด็กนั่งแล้วรู้สึกสบาย ไม่ควรอุ้มเด็กให้นั่งบนตัก เพราะมีโอกาสที่เด็กจะหลุดออกจากอ้อมแขนได้เช่นกัน

การติดตั้งคาร์ซีทก็ต้องทำให้ถูกวิธี โดยวางคาร์ซีทไว้ที่เบาะหลัง เพราะเป็นจุดที่ปลอดภัยที่สุด ในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ ให้หันคาร์ซีทไปทางด้านหลังรถ อาจมีการนำเบาะนวมมารอง เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กพลัดตกลงมา หรือพุ่งไปข้างหน้าเวลาที่มีการเบรกกะทันหัน แต่หากเด็กอายุมากกว่า 2 ขวบ สามารถหันคาร์ซีทมาด้านหน้ารถได้ตามปกติ และคุณพ่อคุณแม่ควรหมั่นเช็กสภาพคาร์ซีทให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ 

สำหรับพ่อแม่มือใหม่ แนะนำว่าควรฝึกลูกนั่งคาร์ซีทให้เคยชินก่อน โดยฝึกตั้งแต่เล็ก และอาจจะเริ่มจากการนั่งไปสถานที่ใกล้ๆ ที่ใช้เวลาไม่นาน ทำสม่ำเสมอให้เด็กรู้สึกเคยชินก่อนจะ พาลูกเดินทางไกล หากลูกร้องงอแง ควรหาที่แวะพักรถ และเช็กดูว่ามีความผิดปกติอะไรหรือไม่ เช่น เด็กอาจจะหิว ปวดท้องอยากขับถ่าย หรือนั่งไม่สบาย เป็นต้น

2. พูดคุยกับลูกให้เข้าใจ

พ่อคุยกับลูก

ตามกฎหมายเด็กที่อายุเกิน 6 ขวบ  จะไม่ต้องนั่งคาร์ซีทก็ได้ แต่ต้องคาดเข็มขัดนิรภัยอยู่เสมอเช่นเดียวกับผู้ใหญ่ และห้ามอุ้มนั่งตัก เพื่อลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ หากเด็กไม่ยอม คุณพ่อคุณแม่จะต้องพูดคุยกับลูก อธิบายให้เด็กเข้าใจถึงความสำคัญของการคาดเข็มขัดนิรภัย ถ้าไม่คาดเข็มขัดจะเป็นอันตรายอย่างไร แม้ว่าลูกจะดื้อ แต่เพื่อความปลอดภัยคุณพ่อคุณแม่ก็ต้องใจแข็งหน่อยนะคะ

3. วางแผนการเดินทางให้มีความปลอดภัย

อุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อวางแผนการเดินทาง

การพาลูกเดินทางควรมีการวางแผนล่วงหน้า รวมถึงคำนวณเวลาในการเดินทางให้ดี เช่น ถ้าต้อง พาลูกเดินทางไกล หลายชั่วโมง อาจจะเลือกออกเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่ ในช่วงเวลาที่เด็กกำลังหลับอยู่ หรือให้เด็กไปนอนต่อในรถ และถึงที่หมายในเวลาไม่มืดค่ำจนเกินไป เลือกเส้นทางที่ปลอดภัย ใช้เวลาน้อย ไม่เปลี่ยว ไม่คดเคี้ยวมากจนอันตราย มีร้านอาหาร หรือจุดพักรถได้บ่อย ทุกๆ 1-3 ชั่วโมง ให้เด็กได้ลงมาเข้าห้องน้ำ ยืดเส้นยืดสายแก้เบื่อบ้าง

4. สร้างบรรยากาศให้สนุกสนาน

ของเล่นไหมพรมสำหรับเด็ก

เมื่อ พาลูกนั่งรถยนต์ เป็นเวลานานๆ เด็กมักจะเกิดอาการเบื่อเป็นธรรมดา จึงควรสร้างสภาพแวดล้อมที่สนุกสนาน ให้เด็กรู้สึกผ่อนคลาย เพลิดเพลินกับการเดินทาง เช่น จัดเพลย์ลิสต์เพลงที่เด็กชอบ ชวนกันร้องเพลง เล่านิทาน เตรียมตุ๊กตาหรือของเล่นที่ลูกชอบมาด้วย ชี้ชวนให้เด็กดูบรรยากาศด้านนอก หากเด็กอ่านหนังสือได้แล้วก็อาจจะชวนให้ลองอ่านป้าย ดูสัญลักษณ์ต่างๆ จะได้ฝึกการสังเกต และเรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัวไปด้วย

5. ตุนเสบียงไม่ให้ขาด

มินิแซนวิซ

อีกหนึ่งสาเหตุที่จะทำให้เด็กๆ งอแงระหว่างเดินทางก็เพราะพวกเขาหิวนั่นเอง ดังนั้นจึงควรเตรียมเครื่องดื่ม ขนม อาหารว่าง เอาไว้ให้พร้อม คำนวณให้เพียงพอกับระยะทางว่าต้องแบ่งกี่มื้อ เลือกประเภทที่หยิบทานได้ง่าย ไม่เลอะเทอะ เน้นของกินที่มีประโยชน์ เช่น ขนมปัง แซนด์วิช นมกล่อง ผลไม้หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ และอาจจะเตรียมขนมที่ชอบเป็นพิเศษเอาไว้เป็นรางวัล หรือไม้ตายที่จะงัดออกมาใช้เวลาเด็กงอแงมากๆ

6. พาลูกเข้านอนเวลาเดิม

เด็กทารกนอนกอดตุ๊กตาวัว

นอกจากหิวแล้วงอแง เวลาเด็กง่วงก็งอแงเอาเรื่องเหมือนกัน จึงควรจัดสรรเวลานอนให้ลูกด้วย หากลูกนอนช่วงไหนเป็นประจำ ก็มักจะง่วงเวลาเดิม และกล่อมให้หลับได้ง่ายกว่า โดยอาจจะเริ่มจากให้ทานอาหารให้อิ่ม เปิดเพลงช้าคลอเบาๆ หยุดทำกิจกรรม ปรับอุณหภูมิของแอร์ในรถให้เหมาะสม ห่มผ้าให้ เด็กจะค่อยๆ หลับไปเอง

7. เตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์ฉุกเฉิน 

สมุดเขียนเช็กลิสต์

วิธีรับมือกับเหตุฉุกเฉินได้ที่ดีสุดก็คือ การเตรียมพร้อม เพราะฉะนั้นเวลา พาลูกนั่งรถยนต์ คุณพ่อคุณแม่ควรจะเตรียมสิ่งของจำเป็นไปให้ครบ โดยอาจจะจดลงในกระดาษ ทำเช็กลิสต์กันลืมเอาไว้ หากเดินทางบ่อย อาจจะจัดกระเป๋าประจำสำหรับเวลาเดินทาง หรือรวมของใส่ถุงซิปล็อกเอาไว้เพื่อให้หยิบใช้ง่าย เช่น ยาประจำตัว ยาแก้เมารถ ชุดปฐมพยาบาล ผ้าอ้อม กระดาษชำระ ทิชชูเปียก ถุงพลาสติก เจลทำความสะอาดมือ ชุดสำรอง เบอร์โทรฉุกเฉินต่างๆ เป็นต้น

สุดท้ายอยากจะฝากให้คุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายไม่ต้องกังวลกับการ พาลูกนั่งรถยนต์ มากจนเกินไป ครั้งแรกของทุกคนอาจจะตะกุกตะกักบ้างเป็นธรรมดา แต่ครั้งต่อๆ ไปก็จะดีขึ้นแน่นอน ที่สำคัญต้องดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด ห้ามปล่อยเด็กไว้บนรถคนเดียวเด็ดขาดแต่สำหรับใครที่ไม่อยากคิดเยอะ ไม่อยากวางแผนเอง หรือมีความกังวลต่างๆ การเลือกเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศกับทัวร์ก็ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีมากๆ เพราะมีความสะดวกสบาย มีคนดูแลตลอดทริป หรือถ้ามีข้อสงสัยอะไร ก็สามารถสอบถามได้ตลอด ใครอยากไปเที่ยวประเทศไหน ก็ทักหาพี่เห็ด มัชรูมทราเวล ได้เลย เพราะมีทัวร์ต่างประเทศให้เลือกหลายเส้นทาง พร้อมให้คำแนะนำก่อนจองทัวร์